Advertisement
Not a member of Pastebin yet?
Sign Up,
it unlocks many cool features!
- ประสบการณ์สยอง “ไลฟ์แชท”
- เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าประสบการณ์ของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยหญิงล้วน ตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้เข้าร่วมชมรมใดๆเพราะเลือกที่จะทำงานพาร์ทไทม์แทนโดยได้ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารใกล้ๆอพาร์ทเม้นท์เก่าๆแถวฮะฉิโอจิที่เธอเช่าอยู่
- อัตรารายได้ในการทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารอยู่ที่ 900 เยนต่อชั่วโมง บวกกับทางบ้านก็ส่งเงินค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ 50,000 เยนกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 20,000 เยนให้ทุกๆเดือน ส่วนเงินที่จะใช้เที่ยวก็ได้จากรายได้จากการทำงานพาร์ทไทม์
- แต่เงินที่ได้จากการทำงานพาร์ทไทม์ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก แค่ใช้ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าหรือไปนั่งดื่มกินกับเพื่อนๆก็หมดแล้ว ช่วงที่เธอกำลังคิดว่าจะมีงานพาร์ทไทม์แบบไหนที่หาเงินได้ง่ายๆในระยะเวลาสั้นๆ เธอก็บังเอิญไปเจอประกาศรับหญิงสาวทำงานในสถานเริงรมย์ที่โฆษณาในซองกระดาษทิชชู่ที่แจกตามหน้าสถานีรถไฟฟ้า
- เธอเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งตัวและพูดไม่ค่อยเก่ง นอกจากนี้ยังรู้สึกต่อต้านการทำงานในสถานเริงรมย์ แต่พอเธอเห็นคำโฆษณาที่อยู่ใต้ประกาศว่า “ถึงจะพูดไม่เก่งก็ไม่มีปัญหา” และข้างๆก็มี QR code กับ URL ของเว็บไซต์เขียนเอาไว้อยู่ เธอจึงเกิดความรู้สึกอยากลองเข้าไปดู
- เมื่อเธอลองใช้เครื่องโน้ตบุ๊คเชื่อมต่อกับ URL ของเว็บไซต์ ก็พบว่าเป็นประกาศรับหญิงสาวมาเปิดไลฟ์แชท การเปิดไลฟ์แชทคือการให้หญิงสาวใช้เว็บแคมแพร่ภาพตนเองผ่านเว็บไซต์ให้ลูกค้าเข้ามาดูพร้อมกับแชทคุยกัน เนื้อหาของภาพที่เผยแพร่จะขึ้นอยู่กับหญิงสาวแต่ละคน บางคนก็เปิดให้เห็นหน้าพร้อมกับแชทคุยกัน บางคนก็ปิดหน้า บางคนก็ใส่ชุดวาบหวิว บางคนก็แต่งตัวธรรมดา บางคนก็ถอดเสื้อผ้า บางคนก็แชทคุยแต่เรื่องเซ็กซ์ โดยเว็บไซต์นี้ได้จำกัดอายุคนสมัครลงทะเบียนว่าต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปี จึงมีกฎแค่เพียงข้อเดียวคือห้ามโชว์ของลับ
- ลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์นี้เกือบทุกคนเป็นผู้ชาย ทุกคนจะจ่ายเงินเพื่อซื้อคะแนน และจะใช้คะแนนนั้นเข้าไปดูภาพที่กำลังเผยแพร่ของหญิงสาวซึ่งแต่ละคนจะใช้คะแนนไม่เท่ากัน ส่วนหญิงสาวจะได้เงินบางส่วนจากเงินที่ลูกค้าใช้ซื้อคะแนน
- นักศึกษาหญิงคนนี้ได้ลงทะเบียนเป็นหญิงสาวเปิดไลฟ์แชท และเธอก็ได้เริ่มงานในวันนั้นทันทีโดยใช้เครื่องโน๊ตบุ๊คของตนเองที่มีเว็บแคมอยู่ในตัว
- เธอจะใส่วิกผมทุกครั้งเวลาเปิดไลฟ์แชทเพื่อพยายามปกปิดตัวจริงของตนเอง
- พอเธอเริ่มเผยแพร่ภาพ ก็มีลูกค้าเข้ามาทันที ลูกค้าบางคนเข้ามาขอให้เธอ “แก้ผ้า” บางคนก็ขอให้เธอ “ช่วยตัวเอง” ให้ดู แต่เธอจะปฏิเสธหมดแล้วก็ตอบกลับไปว่าจะแชทคุยกันอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาเพื่อดูภาพเปลือยมักจะออกจากแชทไปทันที แต่ภายในกลุ่มลูกค้าทั้งหมดที่เข้ามา ก็มีบางคนที่เข้ามาเพื่อแชทคุยกันเฉยๆซึ่งการแชทคุยกับลูกค้ากลุ่มนี้ก็สนุกสนานพอสมควร เธอแอบซ่อนตัวจริงของเธอผ่านเว็บแคมและเก็บสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ
- ผ่านไปหนึ่งเดือน เธอเก็บสะสมคะแนนได้เป็นเงินถึง 50,000 เยน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังเลิกเรียน เธอก็จะทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร พอกลับถึงบ้านก็จะเป็ดไลฟ์แชท เธอเปิดไลฟ์แชทสัปดาห์ละ 3 ครั้งและแชทคุยไม่กี่ชั่วโมงที่บ้านก็ได้เงินต่อเดือน 50,000 เยน ถือว่าเป็นงานพาร์ทไทม์ที่เงินดีพอสมควร นอกจากนี้เธอยังเริ่มมีลูกค้าประจำด้วยประมาณ 4 คน พอเธอเปิดห้องไลฟ์แชทเมื่อไหร่ ลูกค้าประจำของเธอจะเข้ามาในห้องแชทของเธอเสมอ ลูกค้าประจำของเธอจะเข้ามาแค่ “นั่งคุยกันให้สบายใจ” เท่านั้นและทุกคนก็ดูเหมือนจะเป็นพนักงานบริษัท
- ลูกค้าประจำของเธอจะใช้คะแนนเป็นจำนวนเงินสองสามพันเยนเพื่อเข้ามาในห้องแชทประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในห้องแชทมีทั้งการใช้อิโมจิ ใช้เสียงพูด บางครั้งก็เปิดเป็นโอเพ่นแชท (คนอื่นสามารถเห็นการแชทคุยกัน) บางครั้งก็เปิดเป็นแชทส่วนตัว (คนอื่นไม่สามารถมองเห็นการแชทคุยกันได้)
- พอผ่านไป 2 เดือน เธอก็เริ่มสนิทกับลูกค้าประจำจนบางครั้งเธอก็เผลอตัวให้ข้อมูลส่วนตัวบางส่วนออกไปทั้งๆที่ผ่านมาเธอจะพยายามปกปิด เช่น “เป็นนักศึกษาหญิงอายุ xx ปี” “ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร” “อาศัยอยู่ในโตเกียวฝั่งตะวันตก” เป็นต้น
- แล้วเธอก็มีแฟนเป็นครั้งแรกในชีวิตหลังจากที่ทำงานพาร์ทไทม์เปิดไลฟ์แชทไปได้หกเดือน
- เธอตัดสินใจไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำงานพาร์ทไทม์เปิดไลฟ์แชทแล้วว่าจะเลิกทำถ้ามีแฟน เธอจึงเขียนข้อความว่า “จะปิดการไลฟ์แชทสิ้นเดือนนี้”ในโปรไฟล์ พอลูกค้าประจำมาเห็น ต่างก็เข้ามากล่าวคำอำลา เช่น “ที่ผ่านๆมาสนุกมากเลย” “รู้สึกเหงานะที่จะไม่ได้แชทคุยกันอีก” เป็นต้น และหลังจากจบการเปิดไลฟ์แชท ก็มีลูกค้าส่งข้อความมาบอกว่า “ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะ พยายามเรียนหนังสือเข้านะ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกดี
- วันรุ่งขึ้น เธอได้ล็อกอินเข้าไปในห้องไลฟ์แชทอีก ทันทีที่เธอล็อกอินเข้าไป ก็มีคนเข้ามาในห้องไลฟ์แชททันทีและขอเปิดเป็นแชทส่วนตัว คนๆนั้นคือลูกค้าประจำชื่อ S (ชื่อสมมติ) ที่ผ่านๆมา ลูกค้าประจำ S จะขอเปิดเป็นแชทส่วนตัวเสมอ เป็นลูกค้าที่ชอบแชทคุยแบบ “สองต่อสอง” เท่านั้น
- พอเธอกดปุ่มตอบรับ ลูกค้าประจำ S ก็ทักทายเข้ามาทันทีว่า “หนูxxx จะเลิกเล่นไลฟ์แชทแล้วเหรอ?”
- เธอตอบกลับไปว่า “ใช่ พอดีมีเรื่องเยอะแยะเข้ามา”
- ลูกค้าประจำ S ถามต่อว่า “เรื่องเยอะแยะ? เรื่องอะไรบ้างอะ”
- เธอตอบกลับไปแบบส่งๆว่า “เรื่องมหาวิทยาลัยบ้าง เรื่องงานพาร์ทไทม์บ้าง เยอะแยะ”
- ลูกค้าประจำ S ยังถามเซ้าซี้ต่อว่า “เล่าให้ละเอียดๆหน่อยซิ”
- เธอตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็เพิ่มชั่วโมงทำงานพาร์ทไทม์ และอยากตั้งใจเรียนด้วย”
- ลูกค้าประจำ S พูดเซ้าซี้ต่อว่า “ตอนกลางคืนก็เปิดไลฟ์แชทได้ไม่ใช่เหรอ”
- เธอตอบกลับไปว่า “จะอ่านหนังสือตอนกลางคืนด้วยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
- ลูกค้าประจำ S ก็ถามต่ออีกว่า “เรียนหนังสือเยอะแบบนั้นทุกวันเลยเหรอ เยอะจนหาเวลามาเล่นไลฟ์แชทไม่ได้เลยเหรอ”
- เธอตอบกลับไปว่า “ใช่...พอดีจะสอบเอาใบอนุญาตด้วย”
- ลูกค้าประจำ S ยังไม่เลิกราและคาดคั้นต่อว่า “แล้ววันเสาร์อาทิตย์ล่ะ? ล็อกอินตอนช่วงกลางวันได้มั้ย?”
- เธอตอบกลับแบบให้รีบตัดจบไปว่า “เสาร์อาทิตย์ อยากจะไปเรียนขับรถที่โรงเรียนสอนขับรถมากกว่า...”
- ลูกค้าประจำ S ถามเซ้าซี้หลายเรื่องและเธอก็รู้สึกรำคาญจนตอบแบบส่งๆไปบ้าง โกหกไปบ้างเพื่อให้ตัดจบบทสนทนาไวๆ ที่ผ่านๆมา ลูกค้าประจำ S จะไม่ถามเซ้าซี้แบบนี้และออกจะค่อนข้างนิ่งๆด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มาแปลกจนเธอเองรู้สึกไม่สบายใจ
- ลูกค้าประจำ S ยังถามต่อว่า “โรงเรียนสอนขับรถ? ที่ไหนเหรอ? ที่ฮะฮิโอจิใช่มั้ย? โรงเรียนxxxใช่รึเปล่า?”
- เธอตอบกลับไปว่า “เอิ่ม...แนวๆนั้นแหละ”
- ลูกค้าประจำ S ถามอีกว่า “เอาเงินที่หาได้จากทำงานแบบนี้ไปสอบใบขับขี่นี่เอง...เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย”
- เธอรีบปฏิเสธไปว่า “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
- ลูกค้าประจำ S ตอบกลับมาแบบมีอารมณ์โมโหว่า “ไม่ใช่ได้ไง!!!”
- เธอตกใจมากจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
- ลูกค้าประจำ S ตอบกลับมาอีกด้วยความโมโหว่า “มึงเอาเงินที่ได้จากกูไปสอบใบขับขี่ต่างหากล่ะ มึงรู้มั้ยว่ากูใช้เงินไปกับมึงเท่าไหร่ หา! มึง...”
- ยังไม่ทันที่ลูกค้าประจำ S จะแชทจบ เธอก็กดปุ่มเตะลูกค้าประจำออกจากห้องไลฟ์แชท เธอรู้สึกตกใจกลัวจนหัวใจเต้นรัวไปอีกสักพักใหญ่ๆ
- ผ่านไปประมาณ 5 นาที ก็มีข้อความมาจากลูกค้าประจำ S ว่า “เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะที่โมโหต่อว่ากลับไป พอดีควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ พอรู้ว่าจะไม่ได้แชทคุยกับหนูxxxอีกแล้ว ก็รู้สึกใจคอไม่ดี อย่าโกรธเลยนะ ขอโทษด้วยที่พูดรุนแรงออกไป ขอโทษจริงๆ หลังจากนี้ขอแชทคุยต่อได้มั้ย”
- เธอตอบเป็นข้อความกลับไปว่า “ทางนี้ก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน เมื่อกี้ตกใจมากจนกดปุ่มเตะออกจากห้อง วันนี้คงไม่เปิดไลฟ์แชทแล้ว อาจจะมีล็อกอินเข้ามาอีกจนถึงปลายเดือน ถ้าเวลาตรงกัน ค่อยแชทคุยกันใหม่นะ”
- หลังจากที่ส่งข้อความตอบกลับไป เธอก็ล็อกเอาท์ออกมาและไม่ได้ล็อกอินเข้าไปอีกเลยในวันนั้น
- เธอล็อกอินเข้าไปอีกครั้งหลังจากนั้นอีก 2 วันหลังจากทำงานพาร์ทไทม์เสร็จ พอเธอล็อกอินเข้าไปปุ๊บ ลูกค้าประจำ S ก็เข้ามาในห้องไลฟ์แชททันที
- ลูกค้าประจำ S กล่าวคำขอโทษก่อนเลยว่า “หนูxxx เมื่อสองวันก่อน ฉันขอโทษด้วยนะ”
- เธอตอบกลับไปโดยไม่คิดอะไรว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ทางนี้ก็เอาใจใส่ไม่ดีพอด้วยเหมือนกัน 555”
- ลูกค้าประจำ S บอกอีกว่า “แต่หนูxxx ก็จะเลิกเล่นไลฟ์แชทจริงๆด้วย”
- เธอตอบกลับไปว่า “ใช่ จะเลิกเล่นแล้ว”
- ลูกค้าประจำ S บอกว่า “พยายามเรียนขับรถให้เก่งๆนะ”
- เธอกล่าวขอบคุณกลับไปว่า “ขอบคุณค่ะ”
- ลูกค้าประจำ S ถามอีกว่า “ถ้าอยู่ในฮะฉิโอจิ ใช่โรงเรียนสอนขับรถ xxx driving school รึเปล่า?”
- “เอิ่ม.....” เธอไม่ตอบอะไรได้แต่ทำเสียงแบ่งรับแบ่งสู้
- ลูกค้าประจำ S ก็เลยถามต่อว่า “ใช่โรงเรียนสอนขับรถ xxx รึเปล่า? หรือว่าเป็น xxx driving garage?”
- เธอยังคงตอบกลับไปแบบคลุมเครือว่า “โรงเรียนอะไรน้า?”
- เธอคิดในใจว่าลูกค้าประจำ S ต้องแอบไปหาข้อมูลโรงเรียนสอนข้บรถในฮะฮิโอจิมาแน่ๆ ยิ่งเธอคิด เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
- ลูกค้าประจำ S ยังพูดต่ออีกว่า “หนูxxx เปิดไลฟ์แชทประมาณ 6 เดือนใช่มั้ย? เมื่อก่อนเคยบอกไว้ใช่มั้ยว่าทำเงินได้เดือนละประมาณ 50,000 เยน ดังนั้น 50,000 x 6 ก็จะเท่ากับ 300,000 เยน หนูxxxเป็นผู้หญิงก็ต้องขับรถเกียร์ออโต้ โรงเรียนสอนขับรถที่มีโปรแกรมสอนขับรถเกียร์ออโต้สำหรับเด็กนักเรียนก็น่าจะเป็น xxx driving school ฉันพูดถูกใช่มั้ย”
- เธอตกใจมากเมื่อได้อ่านแชทที่ลูกค้าประจำ S ส่งมา ไม่คิดว่าลูกค้าประจำ S จะไปสืบหาข้อมูลมาขนาดนี้ และที่เธอบอกไปก่อนหน้านี้ว่าจะไปเรียนขับรถ มันก็เป็นเรื่องโกหก
- เธอตอบกลับไปว่า “ถึงจะถามยังไงก็ไม่บอกหรอก 555”
- ลูกค้าประจำ S บอกกลับมาว่า “อ่ะ ฉันทายถูกล่ะซิ ตรงเป๊ะเลยใช่มั้ย”
- เธอตอบกลับไปว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ขอโทษนะ วันนี้พอแค่นี้นะ”
- ลูกค้าประจำ S บอกว่า “พอทายถูก ก็จะหนีอีกแล้ว เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย”
- แล้วเธอก็ออกจากห้องไลฟ์แชททั้งๆที่ลูกค้าประจำ S ยังแชทอยู่
- เธอไม่คิดว่าลูกค้าประจำ S ที่แต่ก่อนเป็นลูกค้าที่สนิทกัน ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นสโตกเกอร์ (คนโรคจิตแอบสะกดรอยตาม) เพื่อความปลอดภัย เธอเริ่มคิดที่จะปิดไลฟ์แชทให้เร็วขึ้นจากที่วางแผนไว้ตอนสิ้นเดือน
- ก่อนที่เธอจะล็อกเอาท์ ลูกค้าประจำก็ส่งข้อความมาอีกว่า “เห็นมีคนพูดกันว่า xxx driving school นี่ดีนะ ฉันก็อยากจะลองไปเรียนดูด้วยเหมือนกันแล้วล่ะ (หัวเราะ)”
- เธอรู้สึกกลัวจนรีบล็อกเอาท์ออกมาโดยไม่ตอบกลับไป ที่ผ่านมา ลูกค้าประจำ S ก็แสดงท่าทีที่จะพยายามแอบถามข้อมูลส่วนตัวของเธอเสมอ เช่น “มหาวิทยาลัยอยู่แถวไหน” “เป็นคนจังหวัดไหน” เป็นต้น ลูกค้าประจำ S มักจะขอเปิดแชทส่วนตัวซึ่งจะใช้คะแนนมากกว่าโอเพ่นแชท แต่ก่อนลูกค้าประจำ S ดูเป็นคนใจดีและมีเรื่องมาคุยด้วยมากมาย จนทำให้เธอเผลอเคยตอบลูกค้าประจำ S ไปว่า “มหาวิทยาลัยอยู่ที่ฮะฉิโอจิ” “บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดxxx” แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้บอกชื่อมหาวิทยาลัยและที่อยู่ออกไป
- มาถึงตอนนี้เธอเริ่มรู้สักกลัวว่าลูกค้าประจำ S จะสืบหาข้อมูลส่วนตัวของเธอได้บ้างแล้ว เธอไปปรึกษาเรื่องนี้กับแฟนของเธอ แต่ก็ไม่ได้บอกแฟนว่าเธอเปิดไลฟ์แชท หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้ล็อกอินเข้าไปอีก
- เวลาผ่านไปหลายวัน เธอค่อยๆลืมเรื่องราวของลูกค้าประจำ S เพราะใช้เวลาอยู่กับแฟนมากขึ้น เมื่อดูสมุดบัญชีธนาคารตอนปลายเดือน เธอพบว่าเงินที่ได้จากการเปิดไลฟ์แชทถูกโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว และเธอก็นึกขึ้นได้ว่าต้องทำเรื่องขอลาออกจากเว็บไซต์ไลฟ์แชท
- เธอล็อกอินเข้าเว็บไซต์อีกครั้งเพื่อทำเรื่องขอลาออก แต่พอล็อกอินเข้าไป เธอก็รู้สึกช็อกมากๆเมื่อพบว่า “มีข้อความส่งมาถึงเธอ 100 ข้อความ”
- ที่ช่องแจ้งข่าวของไลฟ์แชทมีข้อความขึ้นมาว่า “ข้อความจะถูกบันทึกเก็บเอาไว้สูงสุดแค่ 100 ข้อความเท่านั้น”
- พอเธอดูชื่อผู้ส่งข้อความ เธอก็พบว่าคนที่ส่งข้อความมาทั้งหมดคือลูกค้าประจำ S
- ข้อความที่ส่งมา ได้แก่
- “หนูxxx จะล็อกอินอีกครั้งเมื่อไหร่?”
- “หนูxxx จะถึงปลายเดือนแล้วนะ”
- “หนูxxx วันนี้ไม่ล็อกอินเข้ามาเหรอ”
- “หนูxxx วันนี้ไปโรงเรียนสอนขับรถใช่รึเปล่า?”
- “หนูxxx ถ้ามีกำหนดการอะไร บอกด้วยนะ”
- “หนูxxx เป็นอะไรเหรอ?”
- “หนูxxx ดูข้อความบ้างรึเปล่า?”
- “หนูxxx หนีไปแล้วเหรอ?”
- “หนีไปแล้วใช่มั้ย?”
- “จะปิดไลฟ์แชทตอนสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอ?”
- “ไม่ล็อกอินเข้ามาแล้วเหรอ”
- “หนีไปรึยัง?”
- “อย่าหนีไปนะ”
- “หนีไปแล้วเหรอ”
- “อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้นะ”
- “ไม่ปล่อยให้หนีไปหรอก”
- โดยมีข้อความทำนองเดียวกับข้างต้นเรียงต่อกันเป็น 100 ข้อความ
- เธอรู้สึกกลัวมากจนไม่กล้าอ่านข้อความทั้งหมด จากนั้นเธอก็รีบทำเรื่องลาออกโดยได้แต่คิดในใจว่าคนๆนี้อันตรายมาก แล้วข้อความที่บอกว่าจะไม่ปล่อยให้หนีไปได้ มันหมายความว่ายังไง เธอไปทำอะไรให้เขา
- เธอจินตนาการไปถึงข่าวผู้ชายฆ่าผู้หญิงทำงานกลางคืนด้วยความหึงหวง ทั้งๆที่สิ่งที่ผู้หญิงเหล่านั้นทำลงไปก็เป็นเพียงแค่งานเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกเรื่องชู้สาวเลย
- ถึงแม้ลูกค้าประจำ S จะใช้เงินเพื่อเข้ามาแชทคุยกับเธอในห้องไลฟ์แชท แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยพูดอะไรที่สื่อความหมายไปเรื่องชู้สาวหรือทำให้ลูกค้าประจำ S เข้าใจผิด
- ด้วยความกลัว เธอรีบลุกไปปิดผ้าม่านและคล้องโซ่ที่ประตูทางเข้าทั้งๆที่ก็รู้ว่าทำไปก็ไม่มีความหมายอะไร
- เวลาผ่านไป เธอใช้ชีวิตได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นและคิดเพียงแค่ว่าคงบังเอิญไปเจอคนแปลกๆเข้าให้
- แต่มีอยู่วันหนึ่ง ก็มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น มีข่าวเตือนภัยติดไว้ที่บอร์ดประกาศข่าวภายในมหาวิทยาลัยดังนี้
- “ระวัง! เกิดคดีมีคนเดินตามตื้อ วันที่ xx เดือน xx นักศึกษาของมหาวิทยาลัยถูกผู้ชายที่คาดว่าน่าจะอายุ 41-59 ปี เดินตามตื้อถามเรื่องต่างๆตลอดทางหลังจากที่กลับจากโรงเรียนสอนขับรถ ขอให้นักศึกษาทุกคนระมัดระวังตัวพร้อมกับพกอุปกรณ์เตือนภัยตลอดเวลาที่ออกไปทำธุระข้างนอก ในกรณีที่เกิดเหตุเร่งด่วน ให้รีบร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ๆ”
- มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนและค่อนข้างเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย ตอนที่เริ่มเข้าเรียนปีแรก ทางมหาวิทยาลัยก็แจกอุปกรณ์เตือนภัยให้แก่นักศึกษาทุกคนด้วย พอเกิดคดีมีคนเดินตามตื้อหรือมีบุคคลน่าสงสัยเดินป้วนเปี้ยนแถวมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะติดประกาศที่บอร์ดประกาศข่าวเสมอ ที่ผ่านมาเยอะที่สุดก็ประมาณ 5 ประกาศในหนึ่งสัปดาห์
- แต่จุดที่เธอคาใจในประกาศเตือนครั้งนี้คือ “โรงเรียนสอนขับรถ” มันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอได้รับข้อความ 100 ข้อความจากลูกค้าประจำ S
- เธอรีบเข้าไปสอบถามแผนกกิจการนักศึกษาเรื่องประกาศคดีคนเดินตามตื้อ เธอพยายามสอบถามว่าใครเป็นคนมาแจ้งข้อมูล ตอนแรกเจ้าหน้าที่ในแผนกกิจการนักศึกษาก็ไม่อยากจะบอก แต่พอเธอแจ้งว่าผู้ชายที่เดินตามตื้ออาจจะเป็นคนที่เธอรู้จัก เจ้าหน้าที่จึงยอมบอกชื่อนักศึกษาที่มาแจ้งข้อมูลและก็ติดต่อนักศึกษาคนนั้นให้
- นักศึกษาคนนั้นเรียนอยู่คนละคณะ ไว้ผมยาวและถ้าดูดีๆก็จะคล้ายกับวิกผมตอนที่เธอใส่ตอนเปิดไลฟ์แชท
- นักศึกษาคนนั้นเล่าให้เธอฟังว่า ผู้ชายที่อายุราวๆ 41-59 ปีที่เดินตามตื้อจากโรงเรียนสอนขับรถจนถึงสถานีรถไฟฟ้าเอาแต่ถามคำถามเหล่านี้
- “เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยxxxใช่มั้ย?”
- “มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันมาเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถนี้มั้ย?”
- “มีเพื่อนที่เรียนที่โรงเรียนสอนขับรถอื่นๆรึเปล่า?”
- “รู้จักนักศึกษาที่ลักษณะท่าทางเมื่อมองจากข้างหลังคล้ายๆกับหนูและไว้ทรงผมเหมือนกับหนูมั้ย”
- “อายุxxปี น่าจะอยู่ปีxx”
- เมื่อเธอได้ฟัง เธอมั่นใจทันทีเลยว่าเป็นลูกค้าประจำ S และดูเหมือนพยายามตามหาตัวเธออยู่
- นักศึกษาคนนั้นเล่าให้เธอฟังอีกว่า ผู้ชายที่เดินตามตื้อบอกว่า “กำลังตามหาหญิงสาวเป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแถวนี้ ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร ไม่รู้จักชื่อจริงแต่ถ้าเห็นหน้าก็รู้เลย”
- เธอเคยบอกลูกค้าประจำ S ไปว่าตนเองเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหญิงล้วนแถวๆฮะฉิโอจิ บอกอายุจริงและบอกว่าทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร
- เอาเข้าจริงๆ มหาวิทยาลัยหญิงล้วนแถวๆฮะฉิโอจิก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง ถ้าเอาไปเทียบกับข้อมูลอายุกับงานพาร์ทไทม์ แล้วไล่ถามไปเรื่อยๆ สักวันต้องตามมาถึงตัวเธอแน่นอน
- เธอบอกกับนักศึกษาหญิงคนนั้นไปว่าชายคนนั้นน่าจะกำลังตามหาเธออยู่ แต่เธอไม่ได้เล่าเรื่องไลฟ์แชทให้ฟัง บอกแต่ว่ารู้จักกันทาง SNS และเธอก็บอกนักศึกษาคนนั้นด้วยว่าถ้ายังเจออีกคราวหน้าให้รีบไปเดินหนีไป
- ในวันนั้น เธอไม่เข้าเรียนในชั่วโมงเรียนที่เหลือ แล้วก็รีบนั่งแท็กซี่กลับบ้าน พอกลับไปถึงบ้าน เธอก็ตรวจสอบกลอนประตูหน้าต่างและก็ปิดให้เรียบร้อย เก็บข้าวของที่จำเป็น แล้วก็ไปโทรศัพท์ไปหาแฟนเพื่อขอพักที่บ้านของแฟน จากนั้นแฟนของเธอขี่มอเตอร์ไซค์มารับเธอไป
- พอไปถึงของบ้านของแฟน เธอก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แฟนฟัง แฟนของเธอก็รู้ว่าไลฟ์แชทเป็นยังไงจึงไม่เกิดความเข้าใจผิดต่อกัน แต่แฟนของเธอก็ให้เธอสัญญาว่าจะไม่เปิดไลฟ์แชทอีกเป็นครั้งที่สอง และเธอให้สัญญากับแฟนของเธอว่าจะไม่ทำอีก
- หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ไปมหาวิทยาลัยหรือไปทำงานพาร์ทไทม์จากบ้านของแฟน ถ้าวันไหนต้องกลับดึก แฟนของเธอก็จะมารับ เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อแฟนมาคอยดูแล
- ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เธอมีธุระที่จะต้องกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเธอ แต่เธอไปตอนกลางวันพร้อมกับแฟน จึงไม่รู้สึกกลัวอะไร เธอไปเก็บจดหมายไปรษณีย์ที่ค้างอยู่ในกล่องไปรษณีย์ แล้วก็กลับไปที่บ้านของแฟน
- เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ เธอยังพักอยู่ที่บ้านของแฟน ไม่ปัญหาอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่ร้านอาหาร จนเธอคิดว่าลูกค้าประจำ S น่าจะยอมแพ้และเลิกตามหาเธอแล้ว เธอเริ่มอุ่นใจมากขึ้นเรื่อยๆในการใช้ชีวิตประจำวัน
- แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง วันที่เธอเริ่มมีความระมัดระวังตัวน้อยลง เธอกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเธอตอนเที่ยงเพื่อไปเก็บจดหมายไปรษณีย์ที่ค้างอยู่ในกล่องไปรษณีย์ แต่ครั้งนี้เธอไปเองคนเดียวตามลำพัง นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีที่ใกล้ที่สุด แล้วก็เดินกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์
- ในกองจดหมายไปรษณีย์ ส่วนใหญ่จะเป็นใบปลิวโฆษณาหรือไม่ก็จดหมายโฆษณาจากร้านเสริมสวย แต่ภายในนั้นก็มีซองจดหมายสีน้ำตาลที่ไม่ได้เขียนชื่อที่อยู่ผู้รับอยู่ 1 ซอง ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เธอเคยได้รับซองจดหมายที่ไม่ได้เขียนชื่อที่อยู่ผู้รับจากผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์ เธอจึงคิดไปเองว่าซองสีน้ำตาลนี้ก็น่าจะมาจากผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์
- เธอเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของเธอ ตอนที่เธอกำลังจะเปิดประตูห้อง เธอได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในห้อง แต่เสียงไม่ได้ดังมาก เป็นเสียงเหมือนกับมีใครกำลังค้นหาสิ่งของบางอย่างอยู่ เธอจำได้ว่าเธอให้กุญแจสำรองกับพ่อแม่และแฟนเท่านั้น และพ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้บอกว่าจะมาหาที่ห้อง ส่วนแฟนก็ออกไปทำงานพาร์ทไทม์ แล้วใครอยู่ในห้องของเธอตอนนี้
- เธอค่อยๆถอยหลังกลับอย่างเงียบที่สุด เดินลงบันไดไปข้างล่าง จากนั้นก็วิ่งสุดกำลังไปที่ป้อมตำรวจ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตำรวจฟัง ตำรวจอยู่กัน 2 คนและหนึ่งในนั้นได้ใช้วิทยุไร้สายติดต่อกลับไปที่หน่วยขอกำลังเสริม
- เธอนั่งรอที่ป้อมตำรวจ ผ่านไป 1 ชั่วโมง รถตำรวจก็มาที่ป้อมตำรวจแล้วก็พาเธอกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ มีตำรวจหลายคนยืนเฝ้าอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ พอเธอลงจากรถตำรวจ ตำรวจในที่เกิดเหตุก็เล่าเรื่องให้เธอฟัง
- ตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นโจรย่องขึ้นบ้าน โจรปีนเข้าทางระเบียง ทุบกระจกเพื่อปลดกลอนประตูบานเลื่อน แล้วก็เข้าไปในห้อง ตอนที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ โจรได้หนีออกไปเรียบร้อยแล้ว ตำรวจให้เธอตรวจสอบดูว่าของมีค่าอะไรถูกขโมยไปบ้าง
- เธอเก็บกระเป๋าสตางค์กับสมุดบัญชีธนาคารไว้ที่บ้านของแฟน ในห้องจึงไม่น่าจะมีของมีค่าอะไรให้ขโมย มีแต่โน๊ตบุ๊คของเธอเท่านั้นที่หายไป และอีกสิ่งหนึ่งที่หายไปคือชุดเดรสลายดอกไม้ที่เธอชอบใส่ตอนที่เปิดไลฟ์แชท เธอแน่ใจว่าคนร้ายคือลูกค้าประจำ S อย่างแน่นอน
- ตำรวจบอกกับเธอว่า “โชคดีนะที่เธอไม่เจอกับโจรย่องขึ้นบ้านแบบจะๆ”
- แต่เธอก็ขวัญเสียไปแล้ว ลูกค้าประจำ S หาเจอแล้วว่าอพาร์ทเม้นท์ของเธออยู่ไหน แถมแอบเข้ามาในห้อง ขโมยโน๊ตบุ๊คกับชุดเดรสที่เธอใส่ไป เธอรู้สึกช็อกมากจนทรุดลงกับพื้น ตำรวจจึงบอกให้เธอไปนั่งพักในรถตำรวจ
- พอรู้สึกดีขึ้น เธอกลับไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตำรวจฟังที่ป้อมตำรวจ เธอเล่าปัญหาที่เธอเจอตั้งแต่แรกไปจนถึงเรื่องที่นักศึกษาหญิงคนอื่นในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอถูกผู้ชายวัย 41-59 ปีเดินตามตื้อ ตอนแรกตำรวจก็ทำท่าทางไม่เชื่อ แต่พอเธอแสดงท่าทีและสีหน้าจริงจัง ตำรวจก็เริ่มเชื่อเธอ
- เรื่องไปถึงพ่อแม่ของเธอและเธอก็ตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่สักพัก เธอไม่อยากให้ลูกค้าประจำ S ตามไปจนถึงบ้านของแฟน เธอจึงรีบเก็บข้าวของแล้วก็กลับไปที่บ้านพ่อแม่
- พ่อแม่ของเธอเป็นคนรุ่นเก่าและไม่รู้จักไลฟ์แชท เธอจึงอธิบายให้ฟังแค่ว่าเจอโจรย่องขี้นอพาร์ทเม้นท์ พอเธอเอาของออกจากกระเป๋าเดินทาง ก็เห็นซองจดหมายสีน้ำตาลในกระเป๋า เธอจำได้ว่าเป็นซองจดหมายที่อยู่ในกองจดหมายไปรษณีย์ในกล่องไปรษณีย์ในวันที่เธอกลับไปเอาและลูกค้าประจำ S แอบย่องเข้าห้องของเธอ ตามจริงเธอก็ลืมไปแล้วว่ามีซองจดหมายสีน้ำตาลนี้อยู่จนได้เห็นมันอีกครั้ง
- พอเธอเปิดซอง ก็มีกระดาษ A4 พิมพ์ข้อความเอาไว้ว่า
- “ถึงหนูxxx
- ฉันคิดถึงหนูxxxมากจนต้องมาหา ไม่เห็นหนูอยู่ที่ห้องหลายวันเลยถือวิสาสะเข้าไปในห้องหนูนะ เดี๋ยววันหลังจะมาใหม่ ถ้าได้เจอกันอีกก็จะดีมากเลย
- จาก S
- ปล. ขอยืมโน๊ตบุ๊คหน่อยนะ ไม่ห้องห่วงนะเดี๋ยววันหลังจะเอามาคืนให้”
- ลูกค้าประจำ S ได้โน๊ตบุ๊คที่มีข้อมูลส่วนตัวของเธอทั้งหมดในนั้นไปแล้ว หลังจากนั้น เธอรีบยกเลิกสัญญาเช่าอพาร์ทเม้นท์ เลิกทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร หยุดเรียนไปครึ่งปี (หลังจากนั้นเธอกลับไปเรียนจนจบ แต่ก็ซ้ำชั้นไปหนึ่งปี) ตำรวจตรวจเข้มรอบๆอพาร์ทเม้นท์ แต่ก็ยังจับตัวลูกค้าประจำ S ไม่ได้
- หลังจากเกิดเรื่องราวทั้งหมด เธอไม่กล้าอาศัยอยู่ตัวคนเดียวอีกเลย แม้แต่ให้เฝ้าบ้านชั่วคราวคนเดียวก็ไม่กล้า ไม่กล้าฟังเสียงผู้ชายทางโทรศัพท์ ไม่กล้าเล่นแชทอีกเลย มีเพียงไม่กี่เรื่องที่เป็นสิ่งปลอบใจเธอได้คือ เธอเรียนจบ มีงานทำและยังได้คบกับแฟนอยู่
Advertisement
Add Comment
Please, Sign In to add comment
Advertisement