Advertisement
Guest User

Untitled

a guest
Apr 23rd, 2018
84
0
Never
Not a member of Pastebin yet? Sign Up, it unlocks many cool features!
text 50.95 KB | None | 0 0
  1. ประสบการณ์สยอง “ไลฟ์แชท”
  2.  
  3. เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าประสบการณ์ของนักศึกษาหญิงคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยหญิงล้วน ตอนที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เธอไม่ได้เข้าร่วมชมรมใดๆเพราะเลือกที่จะทำงานพาร์ทไทม์แทนโดยได้ทำงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหารใกล้ๆอพาร์ทเม้นท์เก่าๆแถวฮะฉิโอจิที่เธอเช่าอยู่
  4. อัตรารายได้ในการทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารอยู่ที่ 900 เยนต่อชั่วโมง บวกกับทางบ้านก็ส่งเงินค่าเช่าอพาร์ทเม้นท์ 50,000 เยนกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 20,000 เยนให้ทุกๆเดือน ส่วนเงินที่จะใช้เที่ยวก็ได้จากรายได้จากการทำงานพาร์ทไทม์
  5. แต่เงินที่ได้จากการทำงานพาร์ทไทม์ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก แค่ใช้ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าหรือไปนั่งดื่มกินกับเพื่อนๆก็หมดแล้ว ช่วงที่เธอกำลังคิดว่าจะมีงานพาร์ทไทม์แบบไหนที่หาเงินได้ง่ายๆในระยะเวลาสั้นๆ เธอก็บังเอิญไปเจอประกาศรับหญิงสาวทำงานในสถานเริงรมย์ที่โฆษณาในซองกระดาษทิชชู่ที่แจกตามหน้าสถานีรถไฟฟ้า
  6. เธอเป็นคนที่ไม่ชอบแต่งตัวและพูดไม่ค่อยเก่ง นอกจากนี้ยังรู้สึกต่อต้านการทำงานในสถานเริงรมย์ แต่พอเธอเห็นคำโฆษณาที่อยู่ใต้ประกาศว่า “ถึงจะพูดไม่เก่งก็ไม่มีปัญหา” และข้างๆก็มี QR code กับ URL ของเว็บไซต์เขียนเอาไว้อยู่ เธอจึงเกิดความรู้สึกอยากลองเข้าไปดู
  7. เมื่อเธอลองใช้เครื่องโน้ตบุ๊คเชื่อมต่อกับ URL ของเว็บไซต์ ก็พบว่าเป็นประกาศรับหญิงสาวมาเปิดไลฟ์แชท การเปิดไลฟ์แชทคือการให้หญิงสาวใช้เว็บแคมแพร่ภาพตนเองผ่านเว็บไซต์ให้ลูกค้าเข้ามาดูพร้อมกับแชทคุยกัน เนื้อหาของภาพที่เผยแพร่จะขึ้นอยู่กับหญิงสาวแต่ละคน บางคนก็เปิดให้เห็นหน้าพร้อมกับแชทคุยกัน บางคนก็ปิดหน้า บางคนก็ใส่ชุดวาบหวิว บางคนก็แต่งตัวธรรมดา บางคนก็ถอดเสื้อผ้า บางคนก็แชทคุยแต่เรื่องเซ็กซ์ โดยเว็บไซต์นี้ได้จำกัดอายุคนสมัครลงทะเบียนว่าต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปี จึงมีกฎแค่เพียงข้อเดียวคือห้ามโชว์ของลับ
  8. ลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์นี้เกือบทุกคนเป็นผู้ชาย ทุกคนจะจ่ายเงินเพื่อซื้อคะแนน และจะใช้คะแนนนั้นเข้าไปดูภาพที่กำลังเผยแพร่ของหญิงสาวซึ่งแต่ละคนจะใช้คะแนนไม่เท่ากัน ส่วนหญิงสาวจะได้เงินบางส่วนจากเงินที่ลูกค้าใช้ซื้อคะแนน
  9. นักศึกษาหญิงคนนี้ได้ลงทะเบียนเป็นหญิงสาวเปิดไลฟ์แชท และเธอก็ได้เริ่มงานในวันนั้นทันทีโดยใช้เครื่องโน๊ตบุ๊คของตนเองที่มีเว็บแคมอยู่ในตัว
  10. เธอจะใส่วิกผมทุกครั้งเวลาเปิดไลฟ์แชทเพื่อพยายามปกปิดตัวจริงของตนเอง
  11. พอเธอเริ่มเผยแพร่ภาพ ก็มีลูกค้าเข้ามาทันที ลูกค้าบางคนเข้ามาขอให้เธอ “แก้ผ้า” บางคนก็ขอให้เธอ “ช่วยตัวเอง” ให้ดู แต่เธอจะปฏิเสธหมดแล้วก็ตอบกลับไปว่าจะแชทคุยกันอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นลูกค้าที่เข้ามาเพื่อดูภาพเปลือยมักจะออกจากแชทไปทันที แต่ภายในกลุ่มลูกค้าทั้งหมดที่เข้ามา ก็มีบางคนที่เข้ามาเพื่อแชทคุยกันเฉยๆซึ่งการแชทคุยกับลูกค้ากลุ่มนี้ก็สนุกสนานพอสมควร เธอแอบซ่อนตัวจริงของเธอผ่านเว็บแคมและเก็บสะสมคะแนนไปเรื่อยๆ
  12. ผ่านไปหนึ่งเดือน เธอเก็บสะสมคะแนนได้เป็นเงินถึง 50,000 เยน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังเลิกเรียน เธอก็จะทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร พอกลับถึงบ้านก็จะเป็ดไลฟ์แชท เธอเปิดไลฟ์แชทสัปดาห์ละ 3 ครั้งและแชทคุยไม่กี่ชั่วโมงที่บ้านก็ได้เงินต่อเดือน 50,000 เยน ถือว่าเป็นงานพาร์ทไทม์ที่เงินดีพอสมควร นอกจากนี้เธอยังเริ่มมีลูกค้าประจำด้วยประมาณ 4 คน พอเธอเปิดห้องไลฟ์แชทเมื่อไหร่ ลูกค้าประจำของเธอจะเข้ามาในห้องแชทของเธอเสมอ ลูกค้าประจำของเธอจะเข้ามาแค่ “นั่งคุยกันให้สบายใจ” เท่านั้นและทุกคนก็ดูเหมือนจะเป็นพนักงานบริษัท
  13. ลูกค้าประจำของเธอจะใช้คะแนนเป็นจำนวนเงินสองสามพันเยนเพื่อเข้ามาในห้องแชทประมาณ 1-2 ชั่วโมง ในห้องแชทมีทั้งการใช้อิโมจิ ใช้เสียงพูด บางครั้งก็เปิดเป็นโอเพ่นแชท (คนอื่นสามารถเห็นการแชทคุยกัน) บางครั้งก็เปิดเป็นแชทส่วนตัว (คนอื่นไม่สามารถมองเห็นการแชทคุยกันได้)
  14. พอผ่านไป 2 เดือน เธอก็เริ่มสนิทกับลูกค้าประจำจนบางครั้งเธอก็เผลอตัวให้ข้อมูลส่วนตัวบางส่วนออกไปทั้งๆที่ผ่านมาเธอจะพยายามปกปิด เช่น “เป็นนักศึกษาหญิงอายุ xx ปี” “ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร” “อาศัยอยู่ในโตเกียวฝั่งตะวันตก” เป็นต้น
  15. แล้วเธอก็มีแฟนเป็นครั้งแรกในชีวิตหลังจากที่ทำงานพาร์ทไทม์เปิดไลฟ์แชทไปได้หกเดือน
  16. เธอตัดสินใจไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มทำงานพาร์ทไทม์เปิดไลฟ์แชทแล้วว่าจะเลิกทำถ้ามีแฟน เธอจึงเขียนข้อความว่า “จะปิดการไลฟ์แชทสิ้นเดือนนี้”ในโปรไฟล์ พอลูกค้าประจำมาเห็น ต่างก็เข้ามากล่าวคำอำลา เช่น “ที่ผ่านๆมาสนุกมากเลย” “รู้สึกเหงานะที่จะไม่ได้แชทคุยกันอีก” เป็นต้น และหลังจากจบการเปิดไลฟ์แชท ก็มีลูกค้าส่งข้อความมาบอกว่า “ขอให้สุขภาพแข็งแรงนะ พยายามเรียนหนังสือเข้านะ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกดี
  17. วันรุ่งขึ้น เธอได้ล็อกอินเข้าไปในห้องไลฟ์แชทอีก ทันทีที่เธอล็อกอินเข้าไป ก็มีคนเข้ามาในห้องไลฟ์แชททันทีและขอเปิดเป็นแชทส่วนตัว คนๆนั้นคือลูกค้าประจำชื่อ S (ชื่อสมมติ) ที่ผ่านๆมา ลูกค้าประจำ S จะขอเปิดเป็นแชทส่วนตัวเสมอ เป็นลูกค้าที่ชอบแชทคุยแบบ “สองต่อสอง” เท่านั้น
  18. พอเธอกดปุ่มตอบรับ ลูกค้าประจำ S ก็ทักทายเข้ามาทันทีว่า “หนูxxx จะเลิกเล่นไลฟ์แชทแล้วเหรอ?”
  19. เธอตอบกลับไปว่า “ใช่ พอดีมีเรื่องเยอะแยะเข้ามา”
  20. ลูกค้าประจำ S ถามต่อว่า “เรื่องเยอะแยะ? เรื่องอะไรบ้างอะ”
  21. เธอตอบกลับไปแบบส่งๆว่า “เรื่องมหาวิทยาลัยบ้าง เรื่องงานพาร์ทไทม์บ้าง เยอะแยะ”
  22. ลูกค้าประจำ S ยังถามเซ้าซี้ต่อว่า “เล่าให้ละเอียดๆหน่อยซิ”
  23. เธอตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “ก็เพิ่มชั่วโมงทำงานพาร์ทไทม์ และอยากตั้งใจเรียนด้วย”
  24. ลูกค้าประจำ S พูดเซ้าซี้ต่อว่า “ตอนกลางคืนก็เปิดไลฟ์แชทได้ไม่ใช่เหรอ”
  25. เธอตอบกลับไปว่า “จะอ่านหนังสือตอนกลางคืนด้วยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”
  26. ลูกค้าประจำ S ก็ถามต่ออีกว่า “เรียนหนังสือเยอะแบบนั้นทุกวันเลยเหรอ เยอะจนหาเวลามาเล่นไลฟ์แชทไม่ได้เลยเหรอ”
  27. เธอตอบกลับไปว่า “ใช่...พอดีจะสอบเอาใบอนุญาตด้วย”
  28. ลูกค้าประจำ S ยังไม่เลิกราและคาดคั้นต่อว่า “แล้ววันเสาร์อาทิตย์ล่ะ? ล็อกอินตอนช่วงกลางวันได้มั้ย?”
  29. เธอตอบกลับแบบให้รีบตัดจบไปว่า “เสาร์อาทิตย์ อยากจะไปเรียนขับรถที่โรงเรียนสอนขับรถมากกว่า...”
  30. ลูกค้าประจำ S ถามเซ้าซี้หลายเรื่องและเธอก็รู้สึกรำคาญจนตอบแบบส่งๆไปบ้าง โกหกไปบ้างเพื่อให้ตัดจบบทสนทนาไวๆ ที่ผ่านๆมา ลูกค้าประจำ S จะไม่ถามเซ้าซี้แบบนี้และออกจะค่อนข้างนิ่งๆด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้มาแปลกจนเธอเองรู้สึกไม่สบายใจ
  31. ลูกค้าประจำ S ยังถามต่อว่า “โรงเรียนสอนขับรถ? ที่ไหนเหรอ? ที่ฮะฮิโอจิใช่มั้ย? โรงเรียนxxxใช่รึเปล่า?”
  32. เธอตอบกลับไปว่า “เอิ่ม...แนวๆนั้นแหละ”
  33. ลูกค้าประจำ S ถามอีกว่า “เอาเงินที่หาได้จากทำงานแบบนี้ไปสอบใบขับขี่นี่เอง...เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย”
  34. เธอรีบปฏิเสธไปว่า “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
  35. ลูกค้าประจำ S ตอบกลับมาแบบมีอารมณ์โมโหว่า “ไม่ใช่ได้ไง!!!”
  36. เธอตกใจมากจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
  37. ลูกค้าประจำ S ตอบกลับมาอีกด้วยความโมโหว่า “มึงเอาเงินที่ได้จากกูไปสอบใบขับขี่ต่างหากล่ะ มึงรู้มั้ยว่ากูใช้เงินไปกับมึงเท่าไหร่ หา! มึง...”
  38. ยังไม่ทันที่ลูกค้าประจำ S จะแชทจบ เธอก็กดปุ่มเตะลูกค้าประจำออกจากห้องไลฟ์แชท เธอรู้สึกตกใจกลัวจนหัวใจเต้นรัวไปอีกสักพักใหญ่ๆ
  39. ผ่านไปประมาณ 5 นาที ก็มีข้อความมาจากลูกค้าประจำ S ว่า “เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะที่โมโหต่อว่ากลับไป พอดีควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ พอรู้ว่าจะไม่ได้แชทคุยกับหนูxxxอีกแล้ว ก็รู้สึกใจคอไม่ดี อย่าโกรธเลยนะ ขอโทษด้วยที่พูดรุนแรงออกไป ขอโทษจริงๆ หลังจากนี้ขอแชทคุยต่อได้มั้ย”
  40. เธอตอบเป็นข้อความกลับไปว่า “ทางนี้ก็ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน เมื่อกี้ตกใจมากจนกดปุ่มเตะออกจากห้อง วันนี้คงไม่เปิดไลฟ์แชทแล้ว อาจจะมีล็อกอินเข้ามาอีกจนถึงปลายเดือน ถ้าเวลาตรงกัน ค่อยแชทคุยกันใหม่นะ”
  41. หลังจากที่ส่งข้อความตอบกลับไป เธอก็ล็อกเอาท์ออกมาและไม่ได้ล็อกอินเข้าไปอีกเลยในวันนั้น
  42. เธอล็อกอินเข้าไปอีกครั้งหลังจากนั้นอีก 2 วันหลังจากทำงานพาร์ทไทม์เสร็จ พอเธอล็อกอินเข้าไปปุ๊บ ลูกค้าประจำ S ก็เข้ามาในห้องไลฟ์แชททันที
  43. ลูกค้าประจำ S กล่าวคำขอโทษก่อนเลยว่า “หนูxxx เมื่อสองวันก่อน ฉันขอโทษด้วยนะ”
  44. เธอตอบกลับไปโดยไม่คิดอะไรว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ทางนี้ก็เอาใจใส่ไม่ดีพอด้วยเหมือนกัน 555”
  45. ลูกค้าประจำ S บอกอีกว่า “แต่หนูxxx ก็จะเลิกเล่นไลฟ์แชทจริงๆด้วย”
  46. เธอตอบกลับไปว่า “ใช่ จะเลิกเล่นแล้ว”
  47. ลูกค้าประจำ S บอกว่า “พยายามเรียนขับรถให้เก่งๆนะ”
  48. เธอกล่าวขอบคุณกลับไปว่า “ขอบคุณค่ะ”
  49. ลูกค้าประจำ S ถามอีกว่า “ถ้าอยู่ในฮะฉิโอจิ ใช่โรงเรียนสอนขับรถ xxx driving school รึเปล่า?”
  50. “เอิ่ม.....” เธอไม่ตอบอะไรได้แต่ทำเสียงแบ่งรับแบ่งสู้
  51. ลูกค้าประจำ S ก็เลยถามต่อว่า “ใช่โรงเรียนสอนขับรถ xxx รึเปล่า? หรือว่าเป็น xxx driving garage?”
  52. เธอยังคงตอบกลับไปแบบคลุมเครือว่า “โรงเรียนอะไรน้า?”
  53. เธอคิดในใจว่าลูกค้าประจำ S ต้องแอบไปหาข้อมูลโรงเรียนสอนข้บรถในฮะฮิโอจิมาแน่ๆ ยิ่งเธอคิด เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี
  54. ลูกค้าประจำ S ยังพูดต่ออีกว่า “หนูxxx เปิดไลฟ์แชทประมาณ 6 เดือนใช่มั้ย? เมื่อก่อนเคยบอกไว้ใช่มั้ยว่าทำเงินได้เดือนละประมาณ 50,000 เยน ดังนั้น 50,000 x 6 ก็จะเท่ากับ 300,000 เยน หนูxxxเป็นผู้หญิงก็ต้องขับรถเกียร์ออโต้ โรงเรียนสอนขับรถที่มีโปรแกรมสอนขับรถเกียร์ออโต้สำหรับเด็กนักเรียนก็น่าจะเป็น xxx driving school ฉันพูดถูกใช่มั้ย”
  55. เธอตกใจมากเมื่อได้อ่านแชทที่ลูกค้าประจำ S ส่งมา ไม่คิดว่าลูกค้าประจำ S จะไปสืบหาข้อมูลมาขนาดนี้ และที่เธอบอกไปก่อนหน้านี้ว่าจะไปเรียนขับรถ มันก็เป็นเรื่องโกหก
  56. เธอตอบกลับไปว่า “ถึงจะถามยังไงก็ไม่บอกหรอก 555”
  57. ลูกค้าประจำ S บอกกลับมาว่า “อ่ะ ฉันทายถูกล่ะซิ ตรงเป๊ะเลยใช่มั้ย”
  58. เธอตอบกลับไปว่า “ไม่รู้เหมือนกัน ขอโทษนะ วันนี้พอแค่นี้นะ”
  59. ลูกค้าประจำ S บอกว่า “พอทายถูก ก็จะหนีอีกแล้ว เป็นอย่างนั้นใช่มั้ย”
  60. แล้วเธอก็ออกจากห้องไลฟ์แชททั้งๆที่ลูกค้าประจำ S ยังแชทอยู่
  61. เธอไม่คิดว่าลูกค้าประจำ S ที่แต่ก่อนเป็นลูกค้าที่สนิทกัน ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นสโตกเกอร์ (คนโรคจิตแอบสะกดรอยตาม) เพื่อความปลอดภัย เธอเริ่มคิดที่จะปิดไลฟ์แชทให้เร็วขึ้นจากที่วางแผนไว้ตอนสิ้นเดือน
  62. ก่อนที่เธอจะล็อกเอาท์ ลูกค้าประจำก็ส่งข้อความมาอีกว่า “เห็นมีคนพูดกันว่า xxx driving school นี่ดีนะ ฉันก็อยากจะลองไปเรียนดูด้วยเหมือนกันแล้วล่ะ (หัวเราะ)”
  63. เธอรู้สึกกลัวจนรีบล็อกเอาท์ออกมาโดยไม่ตอบกลับไป ที่ผ่านมา ลูกค้าประจำ S ก็แสดงท่าทีที่จะพยายามแอบถามข้อมูลส่วนตัวของเธอเสมอ เช่น “มหาวิทยาลัยอยู่แถวไหน” “เป็นคนจังหวัดไหน” เป็นต้น ลูกค้าประจำ S มักจะขอเปิดแชทส่วนตัวซึ่งจะใช้คะแนนมากกว่าโอเพ่นแชท แต่ก่อนลูกค้าประจำ S ดูเป็นคนใจดีและมีเรื่องมาคุยด้วยมากมาย จนทำให้เธอเผลอเคยตอบลูกค้าประจำ S ไปว่า “มหาวิทยาลัยอยู่ที่ฮะฉิโอจิ” “บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดxxx” แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้บอกชื่อมหาวิทยาลัยและที่อยู่ออกไป
  64. มาถึงตอนนี้เธอเริ่มรู้สักกลัวว่าลูกค้าประจำ S จะสืบหาข้อมูลส่วนตัวของเธอได้บ้างแล้ว เธอไปปรึกษาเรื่องนี้กับแฟนของเธอ แต่ก็ไม่ได้บอกแฟนว่าเธอเปิดไลฟ์แชท หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้ล็อกอินเข้าไปอีก
  65. เวลาผ่านไปหลายวัน เธอค่อยๆลืมเรื่องราวของลูกค้าประจำ S เพราะใช้เวลาอยู่กับแฟนมากขึ้น เมื่อดูสมุดบัญชีธนาคารตอนปลายเดือน เธอพบว่าเงินที่ได้จากการเปิดไลฟ์แชทถูกโอนเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว และเธอก็นึกขึ้นได้ว่าต้องทำเรื่องขอลาออกจากเว็บไซต์ไลฟ์แชท
  66. เธอล็อกอินเข้าเว็บไซต์อีกครั้งเพื่อทำเรื่องขอลาออก แต่พอล็อกอินเข้าไป เธอก็รู้สึกช็อกมากๆเมื่อพบว่า “มีข้อความส่งมาถึงเธอ 100 ข้อความ”
  67. ที่ช่องแจ้งข่าวของไลฟ์แชทมีข้อความขึ้นมาว่า “ข้อความจะถูกบันทึกเก็บเอาไว้สูงสุดแค่ 100 ข้อความเท่านั้น”
  68. พอเธอดูชื่อผู้ส่งข้อความ เธอก็พบว่าคนที่ส่งข้อความมาทั้งหมดคือลูกค้าประจำ S
  69. ข้อความที่ส่งมา ได้แก่
  70. “หนูxxx จะล็อกอินอีกครั้งเมื่อไหร่?”
  71. “หนูxxx จะถึงปลายเดือนแล้วนะ”
  72. “หนูxxx วันนี้ไม่ล็อกอินเข้ามาเหรอ”
  73. “หนูxxx วันนี้ไปโรงเรียนสอนขับรถใช่รึเปล่า?”
  74. “หนูxxx ถ้ามีกำหนดการอะไร บอกด้วยนะ”
  75. “หนูxxx เป็นอะไรเหรอ?”
  76. “หนูxxx ดูข้อความบ้างรึเปล่า?”
  77. “หนูxxx หนีไปแล้วเหรอ?”
  78. “หนีไปแล้วใช่มั้ย?”
  79. “จะปิดไลฟ์แชทตอนสิ้นเดือนไม่ใช่เหรอ?”
  80. “ไม่ล็อกอินเข้ามาแล้วเหรอ”
  81. “หนีไปรึยัง?”
  82. “อย่าหนีไปนะ”
  83. “หนีไปแล้วเหรอ”
  84. “อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้นะ”
  85. “ไม่ปล่อยให้หนีไปหรอก”
  86. โดยมีข้อความทำนองเดียวกับข้างต้นเรียงต่อกันเป็น 100 ข้อความ
  87. เธอรู้สึกกลัวมากจนไม่กล้าอ่านข้อความทั้งหมด จากนั้นเธอก็รีบทำเรื่องลาออกโดยได้แต่คิดในใจว่าคนๆนี้อันตรายมาก แล้วข้อความที่บอกว่าจะไม่ปล่อยให้หนีไปได้ มันหมายความว่ายังไง เธอไปทำอะไรให้เขา
  88. เธอจินตนาการไปถึงข่าวผู้ชายฆ่าผู้หญิงทำงานกลางคืนด้วยความหึงหวง ทั้งๆที่สิ่งที่ผู้หญิงเหล่านั้นทำลงไปก็เป็นเพียงแค่งานเท่านั้นและไม่ได้มีความรู้สึกเรื่องชู้สาวเลย
  89. ถึงแม้ลูกค้าประจำ S จะใช้เงินเพื่อเข้ามาแชทคุยกับเธอในห้องไลฟ์แชท แต่เธอก็มั่นใจว่าเธอไม่เคยพูดอะไรที่สื่อความหมายไปเรื่องชู้สาวหรือทำให้ลูกค้าประจำ S เข้าใจผิด
  90. ด้วยความกลัว เธอรีบลุกไปปิดผ้าม่านและคล้องโซ่ที่ประตูทางเข้าทั้งๆที่ก็รู้ว่าทำไปก็ไม่มีความหมายอะไร
  91. เวลาผ่านไป เธอใช้ชีวิตได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้นและคิดเพียงแค่ว่าคงบังเอิญไปเจอคนแปลกๆเข้าให้
  92. แต่มีอยู่วันหนึ่ง ก็มีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น มีข่าวเตือนภัยติดไว้ที่บอร์ดประกาศข่าวภายในมหาวิทยาลัยดังนี้
  93. “ระวัง! เกิดคดีมีคนเดินตามตื้อ วันที่ xx เดือน xx นักศึกษาของมหาวิทยาลัยถูกผู้ชายที่คาดว่าน่าจะอายุ 41-59 ปี เดินตามตื้อถามเรื่องต่างๆตลอดทางหลังจากที่กลับจากโรงเรียนสอนขับรถ ขอให้นักศึกษาทุกคนระมัดระวังตัวพร้อมกับพกอุปกรณ์เตือนภัยตลอดเวลาที่ออกไปทำธุระข้างนอก ในกรณีที่เกิดเหตุเร่งด่วน ให้รีบร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ๆ”
  94. มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่เป็นมหาวิทยาลัยหญิงล้วนและค่อนข้างเข้มงวดเรื่องความปลอดภัย ตอนที่เริ่มเข้าเรียนปีแรก ทางมหาวิทยาลัยก็แจกอุปกรณ์เตือนภัยให้แก่นักศึกษาทุกคนด้วย พอเกิดคดีมีคนเดินตามตื้อหรือมีบุคคลน่าสงสัยเดินป้วนเปี้ยนแถวมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะติดประกาศที่บอร์ดประกาศข่าวเสมอ ที่ผ่านมาเยอะที่สุดก็ประมาณ 5 ประกาศในหนึ่งสัปดาห์
  95. แต่จุดที่เธอคาใจในประกาศเตือนครั้งนี้คือ “โรงเรียนสอนขับรถ” มันทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่เธอได้รับข้อความ 100 ข้อความจากลูกค้าประจำ S
  96. เธอรีบเข้าไปสอบถามแผนกกิจการนักศึกษาเรื่องประกาศคดีคนเดินตามตื้อ เธอพยายามสอบถามว่าใครเป็นคนมาแจ้งข้อมูล ตอนแรกเจ้าหน้าที่ในแผนกกิจการนักศึกษาก็ไม่อยากจะบอก แต่พอเธอแจ้งว่าผู้ชายที่เดินตามตื้ออาจจะเป็นคนที่เธอรู้จัก เจ้าหน้าที่จึงยอมบอกชื่อนักศึกษาที่มาแจ้งข้อมูลและก็ติดต่อนักศึกษาคนนั้นให้
  97. นักศึกษาคนนั้นเรียนอยู่คนละคณะ ไว้ผมยาวและถ้าดูดีๆก็จะคล้ายกับวิกผมตอนที่เธอใส่ตอนเปิดไลฟ์แชท
  98. นักศึกษาคนนั้นเล่าให้เธอฟังว่า ผู้ชายที่อายุราวๆ 41-59 ปีที่เดินตามตื้อจากโรงเรียนสอนขับรถจนถึงสถานีรถไฟฟ้าเอาแต่ถามคำถามเหล่านี้
  99. “เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยxxxใช่มั้ย?”
  100. “มีเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันมาเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถนี้มั้ย?”
  101. “มีเพื่อนที่เรียนที่โรงเรียนสอนขับรถอื่นๆรึเปล่า?”
  102. “รู้จักนักศึกษาที่ลักษณะท่าทางเมื่อมองจากข้างหลังคล้ายๆกับหนูและไว้ทรงผมเหมือนกับหนูมั้ย”
  103. “อายุxxปี น่าจะอยู่ปีxx”
  104. เมื่อเธอได้ฟัง เธอมั่นใจทันทีเลยว่าเป็นลูกค้าประจำ S และดูเหมือนพยายามตามหาตัวเธออยู่
  105. นักศึกษาคนนั้นเล่าให้เธอฟังอีกว่า ผู้ชายที่เดินตามตื้อบอกว่า “กำลังตามหาหญิงสาวเป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแถวนี้ ทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร ไม่รู้จักชื่อจริงแต่ถ้าเห็นหน้าก็รู้เลย”
  106. เธอเคยบอกลูกค้าประจำ S ไปว่าตนเองเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหญิงล้วนแถวๆฮะฉิโอจิ บอกอายุจริงและบอกว่าทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร
  107. เอาเข้าจริงๆ มหาวิทยาลัยหญิงล้วนแถวๆฮะฉิโอจิก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง ถ้าเอาไปเทียบกับข้อมูลอายุกับงานพาร์ทไทม์ แล้วไล่ถามไปเรื่อยๆ สักวันต้องตามมาถึงตัวเธอแน่นอน
  108. เธอบอกกับนักศึกษาหญิงคนนั้นไปว่าชายคนนั้นน่าจะกำลังตามหาเธออยู่ แต่เธอไม่ได้เล่าเรื่องไลฟ์แชทให้ฟัง บอกแต่ว่ารู้จักกันทาง SNS และเธอก็บอกนักศึกษาคนนั้นด้วยว่าถ้ายังเจออีกคราวหน้าให้รีบไปเดินหนีไป
  109. ในวันนั้น เธอไม่เข้าเรียนในชั่วโมงเรียนที่เหลือ แล้วก็รีบนั่งแท็กซี่กลับบ้าน พอกลับไปถึงบ้าน เธอก็ตรวจสอบกลอนประตูหน้าต่างและก็ปิดให้เรียบร้อย เก็บข้าวของที่จำเป็น แล้วก็ไปโทรศัพท์ไปหาแฟนเพื่อขอพักที่บ้านของแฟน จากนั้นแฟนของเธอขี่มอเตอร์ไซค์มารับเธอไป
  110. พอไปถึงของบ้านของแฟน เธอก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แฟนฟัง แฟนของเธอก็รู้ว่าไลฟ์แชทเป็นยังไงจึงไม่เกิดความเข้าใจผิดต่อกัน แต่แฟนของเธอก็ให้เธอสัญญาว่าจะไม่เปิดไลฟ์แชทอีกเป็นครั้งที่สอง และเธอให้สัญญากับแฟนของเธอว่าจะไม่ทำอีก
  111. หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เธอก็ไปมหาวิทยาลัยหรือไปทำงานพาร์ทไทม์จากบ้านของแฟน ถ้าวันไหนต้องกลับดึก แฟนของเธอก็จะมารับ เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นเมื่อแฟนมาคอยดูแล
  112. ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เธอมีธุระที่จะต้องกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเธอ แต่เธอไปตอนกลางวันพร้อมกับแฟน จึงไม่รู้สึกกลัวอะไร เธอไปเก็บจดหมายไปรษณีย์ที่ค้างอยู่ในกล่องไปรษณีย์ แล้วก็กลับไปที่บ้านของแฟน
  113. เวลาผ่านไปอีกหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ เธอยังพักอยู่ที่บ้านของแฟน ไม่ปัญหาอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มหาวิทยาลัยและที่ร้านอาหาร จนเธอคิดว่าลูกค้าประจำ S น่าจะยอมแพ้และเลิกตามหาเธอแล้ว เธอเริ่มอุ่นใจมากขึ้นเรื่อยๆในการใช้ชีวิตประจำวัน
  114. แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง วันที่เธอเริ่มมีความระมัดระวังตัวน้อยลง เธอกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ของเธอตอนเที่ยงเพื่อไปเก็บจดหมายไปรษณีย์ที่ค้างอยู่ในกล่องไปรษณีย์ แต่ครั้งนี้เธอไปเองคนเดียวตามลำพัง นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีที่ใกล้ที่สุด แล้วก็เดินกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์
  115. ในกองจดหมายไปรษณีย์ ส่วนใหญ่จะเป็นใบปลิวโฆษณาหรือไม่ก็จดหมายโฆษณาจากร้านเสริมสวย แต่ภายในนั้นก็มีซองจดหมายสีน้ำตาลที่ไม่ได้เขียนชื่อที่อยู่ผู้รับอยู่ 1 ซอง ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เธอเคยได้รับซองจดหมายที่ไม่ได้เขียนชื่อที่อยู่ผู้รับจากผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์ เธอจึงคิดไปเองว่าซองสีน้ำตาลนี้ก็น่าจะมาจากผู้ดูแลอพาร์ทเม้นท์
  116. เธอเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของเธอ ตอนที่เธอกำลังจะเปิดประตูห้อง เธอได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากในห้อง แต่เสียงไม่ได้ดังมาก เป็นเสียงเหมือนกับมีใครกำลังค้นหาสิ่งของบางอย่างอยู่ เธอจำได้ว่าเธอให้กุญแจสำรองกับพ่อแม่และแฟนเท่านั้น และพ่อแม่ของเธอก็ไม่ได้บอกว่าจะมาหาที่ห้อง ส่วนแฟนก็ออกไปทำงานพาร์ทไทม์ แล้วใครอยู่ในห้องของเธอตอนนี้
  117. เธอค่อยๆถอยหลังกลับอย่างเงียบที่สุด เดินลงบันไดไปข้างล่าง จากนั้นก็วิ่งสุดกำลังไปที่ป้อมตำรวจ แล้วก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตำรวจฟัง ตำรวจอยู่กัน 2 คนและหนึ่งในนั้นได้ใช้วิทยุไร้สายติดต่อกลับไปที่หน่วยขอกำลังเสริม
  118. เธอนั่งรอที่ป้อมตำรวจ ผ่านไป 1 ชั่วโมง รถตำรวจก็มาที่ป้อมตำรวจแล้วก็พาเธอกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ มีตำรวจหลายคนยืนเฝ้าอยู่หน้าอพาร์ทเม้นท์ พอเธอลงจากรถตำรวจ ตำรวจในที่เกิดเหตุก็เล่าเรื่องให้เธอฟัง
  119. ตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นโจรย่องขึ้นบ้าน โจรปีนเข้าทางระเบียง ทุบกระจกเพื่อปลดกลอนประตูบานเลื่อน แล้วก็เข้าไปในห้อง ตอนที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุ โจรได้หนีออกไปเรียบร้อยแล้ว ตำรวจให้เธอตรวจสอบดูว่าของมีค่าอะไรถูกขโมยไปบ้าง
  120. เธอเก็บกระเป๋าสตางค์กับสมุดบัญชีธนาคารไว้ที่บ้านของแฟน ในห้องจึงไม่น่าจะมีของมีค่าอะไรให้ขโมย มีแต่โน๊ตบุ๊คของเธอเท่านั้นที่หายไป และอีกสิ่งหนึ่งที่หายไปคือชุดเดรสลายดอกไม้ที่เธอชอบใส่ตอนที่เปิดไลฟ์แชท เธอแน่ใจว่าคนร้ายคือลูกค้าประจำ S อย่างแน่นอน
  121. ตำรวจบอกกับเธอว่า “โชคดีนะที่เธอไม่เจอกับโจรย่องขึ้นบ้านแบบจะๆ”
  122. แต่เธอก็ขวัญเสียไปแล้ว ลูกค้าประจำ S หาเจอแล้วว่าอพาร์ทเม้นท์ของเธออยู่ไหน แถมแอบเข้ามาในห้อง ขโมยโน๊ตบุ๊คกับชุดเดรสที่เธอใส่ไป เธอรู้สึกช็อกมากจนทรุดลงกับพื้น ตำรวจจึงบอกให้เธอไปนั่งพักในรถตำรวจ
  123. พอรู้สึกดีขึ้น เธอกลับไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ตำรวจฟังที่ป้อมตำรวจ เธอเล่าปัญหาที่เธอเจอตั้งแต่แรกไปจนถึงเรื่องที่นักศึกษาหญิงคนอื่นในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอถูกผู้ชายวัย 41-59 ปีเดินตามตื้อ ตอนแรกตำรวจก็ทำท่าทางไม่เชื่อ แต่พอเธอแสดงท่าทีและสีหน้าจริงจัง ตำรวจก็เริ่มเชื่อเธอ
  124. เรื่องไปถึงพ่อแม่ของเธอและเธอก็ตัดสินใจกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่สักพัก เธอไม่อยากให้ลูกค้าประจำ S ตามไปจนถึงบ้านของแฟน เธอจึงรีบเก็บข้าวของแล้วก็กลับไปที่บ้านพ่อแม่
  125. พ่อแม่ของเธอเป็นคนรุ่นเก่าและไม่รู้จักไลฟ์แชท เธอจึงอธิบายให้ฟังแค่ว่าเจอโจรย่องขี้นอพาร์ทเม้นท์ พอเธอเอาของออกจากกระเป๋าเดินทาง ก็เห็นซองจดหมายสีน้ำตาลในกระเป๋า เธอจำได้ว่าเป็นซองจดหมายที่อยู่ในกองจดหมายไปรษณีย์ในกล่องไปรษณีย์ในวันที่เธอกลับไปเอาและลูกค้าประจำ S แอบย่องเข้าห้องของเธอ ตามจริงเธอก็ลืมไปแล้วว่ามีซองจดหมายสีน้ำตาลนี้อยู่จนได้เห็นมันอีกครั้ง
  126. พอเธอเปิดซอง ก็มีกระดาษ A4 พิมพ์ข้อความเอาไว้ว่า
  127. “ถึงหนูxxx
  128. ฉันคิดถึงหนูxxxมากจนต้องมาหา ไม่เห็นหนูอยู่ที่ห้องหลายวันเลยถือวิสาสะเข้าไปในห้องหนูนะ เดี๋ยววันหลังจะมาใหม่ ถ้าได้เจอกันอีกก็จะดีมากเลย
  129. จาก S
  130. ปล. ขอยืมโน๊ตบุ๊คหน่อยนะ ไม่ห้องห่วงนะเดี๋ยววันหลังจะเอามาคืนให้”
  131. ลูกค้าประจำ S ได้โน๊ตบุ๊คที่มีข้อมูลส่วนตัวของเธอทั้งหมดในนั้นไปแล้ว หลังจากนั้น เธอรีบยกเลิกสัญญาเช่าอพาร์ทเม้นท์ เลิกทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหาร หยุดเรียนไปครึ่งปี (หลังจากนั้นเธอกลับไปเรียนจนจบ แต่ก็ซ้ำชั้นไปหนึ่งปี) ตำรวจตรวจเข้มรอบๆอพาร์ทเม้นท์ แต่ก็ยังจับตัวลูกค้าประจำ S ไม่ได้
  132. หลังจากเกิดเรื่องราวทั้งหมด เธอไม่กล้าอาศัยอยู่ตัวคนเดียวอีกเลย แม้แต่ให้เฝ้าบ้านชั่วคราวคนเดียวก็ไม่กล้า ไม่กล้าฟังเสียงผู้ชายทางโทรศัพท์ ไม่กล้าเล่นแชทอีกเลย มีเพียงไม่กี่เรื่องที่เป็นสิ่งปลอบใจเธอได้คือ เธอเรียนจบ มีงานทำและยังได้คบกับแฟนอยู่
Advertisement
Add Comment
Please, Sign In to add comment
Advertisement